Sweet Girl (2021) สวีทเกิร์ล เต็มเรื่อง

เมื่อพูดถึงชื่อของ “เจสัน โมโมอา” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงภาพซูเปอร์ฮีโร่จากท้องทะเล แต่ในผลงานล่าสุดของเขา “Sweet Girl” เขาได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นตัวละครที่มีมิติมากขึ้นในหนังแนวระทึกขวัญที่เต็มไปด้วยความแค้นและการไล่ล่าที่น่าตื่นเต้น เรื่องราวที่นำเสนอในหนังอาจจะไม่ใช่สิ่งใหม่ในวงการภาพยนตร์ แต่กลับมีจุดที่ทำให้ผู้ชมยังคงสนุกสนานและรู้สึกตื่นเต้นได้พอสมควร

เนื้อเรื่องย่อ: Sweet Girl

หนังเล่าเรื่องราวของ เรย์ คูเปอร์ ชายผู้รักครอบครัวอย่างลึกซึ้ง เขาต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อบริษัทยาถอนยารักษามะเร็งที่อาจช่วยชีวิตภรรยาของเขาได้ เขาจึงมุ่งมั่นที่จะเปิดโปงความจริงและเรียกร้องความยุติธรรม แต่การสืบสวนของเขากลับพาครอบครัวของเขาไปสู่สถานการณ์อันตราย เมื่อเขากับลูกสาวของเขา เรเชล ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวง ภารกิจของเขาจึงเปลี่ยนจากการทวงคืนความยุติธรรมเป็นการทวงแค้นเพื่อปกป้องลูกสาวและสมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่

การกำกับและการแสดง

นี่เป็นผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ “ไบรอัน แอนดรูว์ เมนโดซา” โปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับเจสัน โมโมอามาหลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้การถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่ราบรื่น แต่ถึงแม้การกำกับจะเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว ตัวหนังเองยังคงมีความรู้สึกเดิมๆ เหมือนหนังแนวระทึกขวัญไล่ล่าที่เราเคยเห็นมาก่อน แม้จะมีองค์ประกอบที่คุ้นเคย แต่ก็ยังพอทำให้รู้สึกสนุกอยู่บ้าง

บทภาพยนตร์

บทของ Sweet Girl ได้รับการพัฒนาโดย “เกร็ก เฮร์วิตซ์” และ “ฟิลลิป ไอสเนอร์” ที่แม้จะมีประสบการณ์ในวงการมาไม่น้อย แต่การนำเสนอในหนังเรื่องนี้กลับไม่ค่อยสดใหม่เท่าที่ควร บทหนังส่วนใหญ่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งดูหนังทีวีทั่วไป แต่ช่วง 30 นาทีสุดท้ายกลับมีการพลิกผันที่ทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นและสนุกมากขึ้น

การแสดง

เจสัน โมโมอา ยังคงมีความสามารถในการนำเสนอการแสดงที่มั่นคง บทบาทของเขาอาจไม่ต่างจากผลงานที่ผ่านมามากนัก แต่เขาก็ยังคงทำออกมาได้ดีและน่าพอใจ ในขณะที่ “อิซาเบลา โมเนอร์” สร้างความประทับใจด้วยบทบาทที่ซับซ้อนและมีเส้นเรื่องที่น่าสนใจ บทบาทของเธอทำให้ผู้ชมต้องเฝ้าติดตาม และการหักมุมในช่วงท้ายเรื่องทำให้ตัวละครของเธอมีมิติที่น่าค้นหายิ่งขึ้น

ภาพรวมของหนัง

Sweet Girl มีกลิ่นอายของหนังทริลเลอร์ไล่ล่าในหลายๆ เรื่องที่คุ้นเคย ผสมผสานองค์ประกอบจากแฟรนไชส์ Bourne และหนังทวงแค้นอย่าง Taken รวมถึงสไตล์การบู๊แบบที่ “เลียม นีสัน” มักได้รับบทนำ แม้การเดินเรื่องอาจจะเริ่มต้นช้าและไม่ค่อยน่าตื่นเต้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลับยกระดับความสนุกด้วยการหักมุมที่คาดไม่ถึง

บทสรุป

Sweet Girl อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังคงเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ มีจุดที่ชวนให้ติดตามและตื่นเต้นอยู่บ้าง แม้หลายองค์ประกอบจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับหนังใหญ่บนบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ในตัวเอง และเหมาะสมกับการเป็นหนังที่ฉายทางจอเล็ก หากคุณมองหาหนังระทึกขวัญที่มีรสชาติสนุกและไม่ซับซ้อนมาก Sweet Girl ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย